วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ฟังภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง

 

วิธีฟังภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง



"ทำอย่างไรให้ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องและพูดภาษาอังกฤษเก่ง”  หรือ "ทำอย่างไรจึงจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง” หรือ ทำอย่างไรจึงจะพูดภาษาอังกฤษได้เก่งเป็นคำพูดที่มักจะเจอบ่อยๆสำหรับคนที่อยากจะพูดภาษาอังกฤษได้ดี ทั้งๆที่เรียนภาษาอังกฤษกันมาแล้วมากมาย บางคนเรียนมาแล้วมากกว่า 10 ปี บางคนเรียนภาษาอังกฤษมากับสถาบันสอนภาษามาแล้วหลายสถาบัน แต่ก็ยังไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ซักที บางคนสามารถอ่านภาษาอังกฤษได้ดี และเข้าใจได้ดี หรือบางคนทำคะแนนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้ดี  แต่ก็ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เพราะอะไร ???สาเหตุที่สำคัญคือ ทักษะการฟังภาษาอังกฤษ   กล่าวคือเราต้องพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษก่อน  และต้องฟังประโยคซ้ำๆ หลายๆรอบจนขึ้นใจแล้วพูดตาม  ออกเสียงตามให้เหมือนที่สุด อาจไม่เข้าใจความหมาย หรือคำแปล ไม่เป็นไรการฟังภาษาอังกฤษ ถือว่าเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดและพัฒนายากที่สุด  ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของคนไทยส่วนใหญ่ รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมดของการ เรียนภาษาอังกฤษของคนไทย

เราลองมาเปรียบเทียบดูว่า
 ภาษาไทยที่เราพูดอ่าน และเขียนได้ในปัจจุบันล่ะ  มีพื้นฐานมาจากอะไร ??หากไม่ใช่มาจากการฟัง ฟังจนเข้าใจในสิ่งที่เราได้รับฟังมา  แล้วเลียนเสียงนั้น (คือการพูดตาม) จนพูดได้ หลังจากนั้น จึงเริ่มเรียนการอ่าน   แล้วจึงตามมาด้วยการเขียน

เช่นเดียวกัน
  หากเราได้ฟังภาษาอังกฤษ  หลายๆรอบ บ่อยๆ ซ้ำๆจนจำขึ้นใจแล้ว เราจะพบว่าเราสามารถฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องและเข้าใจโดยอัตโนมัติ  นอกจากนั้นยังสามารถ พูดภาษาอังกฤษได้อีกด้วย

ดังนั้น การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษ  จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากที่สุด   ที่ต้องได้รับการพัฒนาก่อนเป็นอันดับแรก
   การฟังมากๆ ซ้ำๆ  นอกจากจะทำให้ทักษะการฟังภาษาอังกฤษดีขึ้นแล้ว ยังทำให้สามารถพูดได้   เมื่อเราพูดประโยคเหล่านั้นออกมาได้แล้ว   เราก็หลุดออกจากกับดักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้แล้ว นั่นแปลว่าเราได้เข้าสู่วงจรของการที่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติแล้ว

หลังจากนั้นจึงค่อยมาศึกษาคำแปลของประโยคเหล่านั้น และเพิ่มประโยคเหล่านั้นให้มีสะสมในสมองมากขึ้น   ลำดับต่อไปจึงฝึกพูดประโยคภาษาอังกฤษเหล่านั้นให้เร็วขึ้น เราก็จะสามารถพูดภาษาอังกฤษแบบอัตโนมัติจากจิตใต้สำนึกโดยไม่ติดขัดอีกแล้ว

เราลองมาเปรียบเทียบดูว่า ภาษาไทยที่เราพูดอ่าน และเขียนได้ในปัจจุบันล่ะ  มีพื้นฐานมาจากอะไร ??หากไม่ใช่มาจากการฟัง ฟังจนเข้าใจในสิ่งที่เราได้รับฟังมา  แล้วเลียนเสียงนั้น (คือการพูดตาม) จนพูดได้ หลังจากนั้น จึงเริ่มเรียนการอ่าน   แล้วจึงตามมาด้วยการเขียน

เช่นเดียวกัน

เช่นเดียวกัน  หากเราได้ฟังภาษาอังกฤษ  หลายๆรอบ บ่อยๆ ซ้ำๆจนจำขึ้นใจแล้ว เราจะพบว่าเราสามารถฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องและเข้าใจโดยอัตโนมัติ  นอกจากนั้นยังสามารถ พูดภาษาอังกฤษได้อีกด้วย
ดังนั้น การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษ  จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากที่สุด   ที่ต้องได้รับการพัฒนาก่อนเป็นอันดับแรก   การฟังมากๆ ซ้ำๆ  นอกจากจะทำให้ทักษะการฟังภาษาอังกฤษดีขึ้นแล้ว ยังทำให้สามารถพูดได้   เมื่อเราพูดประโยคเหล่านั้นออกมาได้แล้ว   เราก็หลุดออกจากกับดักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้แล้ว นั่นแปลว่าเราได้เข้าสู่วงจรของการที่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติแล้ว 
หลังจากนั้นจึงค่อยมาศึกษาคำแปลของประโยคเหล่านั้น และเพิ่มประโยคเหล่านั้นให้มีสะสมในสมองมากขึ้น   ลำดับต่อไปจึงฝึกพูดประโยคภาษาอังกฤษเหล่านั้นให้เร็วขึ้น เราก็จะสามารถพูดภาษาอังกฤษแบบอัตโนมัติจากจิตใต้สำนึกโดยไม่ติดขัดอีกแล้วเราลองมาเปรียบเทียบดูว่า ภาษาไทยที่เราพูดอ่าน และเขียนได้ในปัจจุบันล่ะ  มีพื้นฐานมาจากอะไร ??หากไม่ใช่มาจากการฟัง ฟังจนเข้าใจในสิ่งที่เราได้รับฟังมา  แล้วเลียนเสียงนั้น (คือการพูดตาม) จนพูดได้ หลังจากนั้น จึงเริ่มเรียนการอ่าน   แล้วจึงตามมาด้วยการเขียน
เช่นเดียวกัน  หากเราได้ฟังภาษาอังกฤษ  หลายๆรอบ บ่อยๆ ซ้ำๆจนจำขึ้นใจแล้ว เราจะพบว่าเราสามารถฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องและเข้าใจโดยอัตโนมัติ  นอกจากนั้นยังสามารถ พูดภาษาอังกฤษได้อีกด้วยดังนั้น การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษ  จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากที่สุด   ที่ต้องได้รับการพัฒนาก่อนเป็นอันดับแรก   การฟังมากๆ ซ้ำๆ  นอกจากจะทำให้ทักษะการฟังภาษาอังกฤษดีขึ้นแล้ว ยังทำให้สามารถพูดได้   เมื่อเราพูดประโยคเหล่านั้นออกมาได้แล้ว   เราก็หลุดออกจากกับดักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้แล้ว นั่นแปลว่าเราได้เข้าสู่วงจรของการที่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติแล้ว หลังจากนั้นจึงค่อยมาศึกษาคำแปลของประโยคเหล่านั้น และเพิ่มประโยคเหล่านั้นให้มีสะสมในสมองมากขึ้น   ลำดับต่อไปจึงฝึกพูดประโยคภาษาอังกฤษเหล่านั้นให้เร็วขึ้น เราก็จะสามารถพูดภาษาอังกฤษแบบอัตโนมัติจากจิตใต้สำนึกโดยไม่ติดขัดอีกแล้ว แล้วจึงมาฝึกหรือแก้ไขคำที่เรามักจะออกเสียงภาษาอังกฤษไม่ถูกต้องไม่ชัด  ให้พูดได้ชัดเจนขึ้น ตรงนี้อาจต้องอาศัยครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นเจ้าของภาษา เช่นชาวอังกฤษหรือชาวอเมริกัน ที่มีประสบการณ์มาช่วยสอน เพื่อให้เรียนได้เร็วและมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น
วิธีการฝึก ฟังภาษาอังกฤษ ให้ได้ผลเร็ว มีเทคนิค ดังนี้1.   ฝึกฟังจากเทป บทสนทนาภาษาอังกฤษ ซึ่งบทสนทนานั้นจะต้องพูดด้วยความเร็วปกติที่ชาวต่างชาติพูด   อย่าฝึกฟังจากเทปที่พูดช้ากว่าการพูดปกติของเขา เนื่องจากจะทำให้เราเคยชินกับการฟังภาษาอังกฤษ แบบที่พูดช้าๆ และเมื่อเจอชาวต่างชาติที่พูดด้วยอัตราความเร็วปกติ เราก็ไม่เข้าใจเช่นเดิม2.     การฝึกฟังครั้งแรกๆ ควรเริ่มฟัง ครั้งละ  5 - 10 ประโยค (อย่าฟังประโยคเยอะเกินไปจนไม่สามารถจะจำประโยคเหล่านั้นได้)  3.     ขณะที่ฝึก ฟังภาษาอังกฤษ ต้องมี Script เสมอ4.    ในการฝึกฟังแต่ละครั้ง ต้องฟังให้ได้อย่างน้อย 4 รอบ คือ -  รอบที่ 1 ฟังพร้อม Script และหากเห็นว่าคำใดที่เราเคยออกเสียงไม่เหมือนเขา หรือ     เราฟังไม่รู้เรื่องแม้จะมี Script  ให้หยุดเทป แล้วจดลงในScript ว่า เสียงที่เราได้ยิน     นั้นคืออะไร-       รอบที่ 2 และ 3 ออกเสียงตาม -      รอบที่ 4, 5, 6, ..... ลองฟังแบบหลับตา โดยไม่มี Script5.      ช่วงแรก ขอให้ฝึกฟังประโยคเดิมๆ ด้วยวิธีข้างต้น สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง (ฝึกทุกวันได้ยิ่ง       ดี) แล้วจึงค่อยๆเพิ่มจำนวนประโยคให้มากขึ้นเป็น 15-20 ประโยค ต่อการฝึกฟังแต่ละ       ครั้งหากทำวิธีดังกล่าวข้างต้นอย่างสม่ำเสมอ เพียงเดือนเดียว รับรองว่านอกจากจะ ฟังภาษาอังกฤษ รู้เรื่องแล้ว ยังสามารถ พูดภาษาอังกฤษ ได้โดยไม่รู้ตัวอีกด้วย ดังนั้น การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษ  จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากที่สุด   ที่ต้องได้รับการพัฒนาก่อนเป็นอันดับแรก   การฟังมากๆ ซ้ำๆ  นอกจากจะทำให้ทักษะการฟังภาษาอังกฤษดีขึ้นแล้ว  ยังทำให้สามารถพูดได้   เมื่อเราพูดประโยคเหล่านั้นออกมาได้แล้ว   เราก็หลุดออกจากกับดักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้แล้ว นั่นแปลว่าเราได้เข้าสู่วงจรของการที่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติแล้ว  
หลังจากนั้นจึงค่อยมาศึกษาคำแปลของประโยคเหล่านั้น และเพิ่มประโยคเหล่านั้นให้มีสะสมในสมองมากขึ้น   ลำดับต่อไปจึงฝึกพูดประโยคภาษาอังกฤษเหล่านั้นให้เร็วขึ้น เราก็จะสามารถพูดภาษาอังกฤษแบบอัตโนมัติจากจิตใต้สำนึกโดยไม่ติดขัดอีกแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น